ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัย Smart Security and Access Control ได้เข้ามาปฏิวัติระบบรักษาความปลอดภัยภายในอาคารและพื้นที่สำคัญ ด้วยการผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจสอบความปลอดภัยได้แบบอัจฉริยะ ครอบคลุมตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ
Pain Points ของระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิม
แม้ว่าปัจจุบันองค์กรต่างๆ จะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย แต่ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับปัญหาสำคัญ ได้แก่:
ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่การพัฒนา Next Generation Security ผ่าน Intelligence Central Management Platform (ICMP) ซึ่งเข้ามาช่วยเชื่อมโยงระบบต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีหลักที่ทำให้ระบบ Smart Security มีประสิทธิภาพสูงสุด
การรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร
1. Gate Barrier – ระบบไม้กั้นรถยนต์อัจฉริยะ
ควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะ พร้อมรองรับการทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบป้ายทะเบียน เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
2. License Plate Recognition – ระบบลงทะเบียนด้วยป้ายทะเบียนรถยนต์
ใช้กล้อง AI วิเคราะห์และบันทึกข้อมูลป้ายทะเบียนของรถยนต์ที่เข้า-ออกอาคารแบบเรียลไทม์ เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบและลดความผิดพลาดจากมนุษย์
ระบบบริหารจัดการผู้มาติดต่อและเข้าออกอาคาร
3. Biometric Visitor Management – ระบบลงทะเบียนผู้มาติดต่อด้วยไบโอเมตริกซ์
รองรับการลงทะเบียนผู้มาเยือนผ่านการจดจำใบหน้า (Face Recognition) หรือการสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความยุ่งยากในขั้นตอนการลงทะเบียน
4. Biometric หรือ Face Recognition Access Control – ระบบเข้าออกอาคารอัตโนมัติ
ควบคุมการเข้าออกของพนักงานและผู้ได้รับอนุญาตผ่านการจดจำใบหน้าหรือไบโอเมตริกซ์ ลดความเสี่ยงจากการใช้บัตร RFID หรือ PIN ที่สามารถถูกขโมยหรือปลอมแปลงได้
ระบบตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงภายในอาคาร
5. CCTV Analytics – ระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะพร้อม AI วิเคราะห์พฤติกรรมเสี่ยง
ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยวิเคราะห์และตรวจจับพฤติกรรมที่เป็นภัย เช่น การทะเลาะวิวาท การหกล้ม การปีนรั้ว หรือพฤติกรรมที่ส่อถึงการโจรกรรม ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดสามารถถูกบริหารและจัดการผ่าน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อกับเซนเซอร์และระบบรักษาความปลอดภัยจากหลากหลายแบรนด์ (Universal) ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถขยายและปรับปรุงระบบได้อย่างยืดหยุ่น ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเดิม และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอนาคต
แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกชนิดจากศูนย์กลาง โดยรวบรวมข้อมูลจากทุกระบบมาประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถติดตามและจัดการสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นในระบบรักษาความปลอดภัย
Executive Business Intelligence Dashboard และ Digital Twin – การวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับผู้บริหารกลาง
เพื่อให้การบริหารจัดการความปลอดภัยมีความชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น Executive Business Intelligence Dashboard และ Digital Twin ถูกพัฒนาเพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบดัชนีความปลอดภัยที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วแบบเรียลไทม์
Digital Twin คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Executive Dashboard อย่างไร?
Digital Twin เป็นแบบจำลองดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากข้อมูลจริงของอาคารหรือระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งสามารถจำลองสถานการณ์ วิเคราะห์ข้อมูล และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ Digital Twin และ Executive Dashboard ทำงานร่วมกันโดย Dashboard ทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ ขณะที่ Digital Twin ให้การจำลองเชิงลึกเพื่อประเมินผลกระทบและแนวทางแก้ไขได้ล่วงหน้า
ความสามารถของ Executive Business Intelligence Dashboard และ Digital Twin
Next Generation Smart Security and Access Control ไม่ใช่เพียงแค่ระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป แต่เป็นการนำ AI, IoT, Big Data, Digital Twin และแพลตฟอร์มอัจฉริยะ มาผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างระบบที่สามารถคาดการณ์และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้การบริหารจัดการอาคารและสถานที่มีความปลอดภัยสูงสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจระดับองค์กรให้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วย ICMP by Hybiot, Executive Business Intelligence Dashboard และ Digital Twin องค์กรของคุณจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Smart Security อย่างเต็มรูปแบบ